เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา นายวาลีด เอล-เคราจี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ประณามการบังคับพลัดถิ่นชาวปาเลสไตน์ และปฏิเสธคำกล่าวถึงการป้องกันตนเองของอิสราเอล ว่าเป็นข้ออ้างในการโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การพลัดถิ่นครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ในวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา OCHA ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ รายงานว่า กองกำลังอิสราเอลได้ออกคำสั่งให้อพยพครั้งใหม่ ในส่วนหนึ่งของเมือง คาน ยูนิส ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเมือง และผู้พลัดถิ่นประมาณ 500,000 คน
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ โครงการอาหารโลกเตือนว่า ชาวกาซากำลังเผชิญกับ “ความไม่มั่นคงทางอาหารที่เป็นหายนะ” และในขณะที่หัวหน้าสหประชาชาติประณามการที่อิสราเอลปฏิเสธวิธีแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐ ซึ่งพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกา ยังมองว่าเป็นหนทางเดียวสู่ความสงบอันยั่งยืน
รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงในฉนวนกาซา และเรียกร้องให้สภาฯ ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของอิสราเอล และการทิ้งระเบิดตามอำเภอใจต่อพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ
ซาอุดิอาระเบีย ยังเตือนถึงความขัดแย้งที่ขยายไปสู่ส่วนอื่นของตะวันออกกลาง และแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากปฏิบัติการทางทหารที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคทะเลแดง ระหว่างกลุ่มฮูซีย์กับสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก
นาย เอล-คาราจี ยังกล่าวว่า ลำดับความสำคัญของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย คือ การยุติปฏิบัติการทางทหารในปาเลสไตน์ และสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค เขายังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
ที่มา: www.english.alarabiya.net